นิยายเกี่ยวกับความรักเราอาจะเคยอ่านมาแล้วมากมาย นักเขียนหลายท่านก็จัดว่าเป็นนักเขียนยอดเยี่ยมในรูปแบบของตัวเอง เราคงจะเข้าใจกันอยู่แล้วว่า ความรักนั้นไม่มีกฎ ไม่มีคำนิยมอะไรตายตัว นักเขียนแต่ละท่านก็ตีความรักแตกต่างกันไป ทั้งนิยาม และ การแสดงออก อีกหนึ่งการแสดงออกน่าสนใจมาจากหนังสือชื่อว่า Call me by your name
เรื่องราวของ Call me by your name
ความรักจากเรื่อง Call me by your name เราบอกก่อนเลยว่ามันคือความรักระหว่างชายรักชายด้วยกัน เรื่องราวเริ่มต้นจากเด็กหนุ่มวัย 17 ปีคนหนึ่งชื่อว่า เอลิโอ เค้าจะต้องเสียสละห้องนอนของตัวเองให้กับแขกทุกหน้าร้อน เนื่องจากเค้าเหล่านั้นมาช่วยงานวิชาการของพ่อ แต่แล้วเมื่อชายหนุ่มอเมริกันนามว่า โอลิเวอร์ หนุ่มใหญ่ใจดี สมาร์ท หล่อเหลา เหมือนหลุดมาจากนิยายนั่นก็ทำให้หน้าร้อนของ เอลิโอ ไม่เหมือนเดิมอีกเลย เรื่องราวความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดำเนินไปเรื่อยๆ ทั้งสุขสมหวัง ขัดแย้ง พวกเค้าต้องเจออะไรบ้างไปเสพต่อในหนังสือได้เลย
การบรรยายอันละเมียดละไม
หนังสือเล่มนี้มักจะบรรยายเรื่องราวความขัดแย้ง อารมณ์ ความรู้สึก ภายในจิตใจของ เอลิโอ หนุ่มน้อยของเราเป็นหลัก แต่ก็ไม่ได้ละเลยความรู้สึกของตัวละครอื่นไปด้วย นั่นทำให้จุดเด่นของเล่มนี้คือ การบรรยายอารมณ์นั้นแบบละเมียด ละไมจนเรารู้สึกเหมือนกับว่า ได้เข้าไปยืนเคียงข้างกับ เอลิโอ หรือ ตัวละครอื่นๆ นั้นจริง แต่ละคำ แต่ละประโยค แต่ละวรรคบรรยายได้ซาบซึ้ง กินใจ จนเราอิ่มเอม ยิ้มตามอย่างมีความสุขได้แบบไม่รู้ตัว
การเปรียบเทียบเชิงสัญลักษณ์
อีกหนึ่งลูกเล่นของ ผู้เขียนที่บรรยายเรื่องราวของ เอลิโอ และ โอลิเวอร์ได้อย่างยอดเยี่ยม เรายกให้การเปรียบเทียบก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ผู้เขียนทำออกมาได้ดีมาก ยกตัวอย่างมาสักฉากหนึ่ง เป็นการสงบศึกระหว่าง เอลิโอ กับ โอลิเวอร์ เค้าแสดงออกด้วยการให้ เอลิโอ เช็คแฮนด์ กับมือรูปปั้นโดยที่ โอลิเวอร์ ถือไว้ มองเผินอาจจะเหมือนไม่มีอะไร แต่บอกเลยว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่ ส่วนจะเป็นอะไรต้องไปอ่านต่อเอง
สรุป
หนังสือ Call me by your name โดยปลายปากกาของ อังเดร อาซิแมน นับว่าเป็นอีกหนึ่งรูปแบบความรักที่หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจ อยากให้ไปลองอ่านกัน หรือแม้แต่ผู้ปกครองคนไหนมีบุตรหลานที่มีแนวโน้มชายรักชาย การวางตัวของ พ่อเอลิโอ ในเรื่องก็เป็นแนวทางในการอยู่ร่วมกับลูกได้ดีเช่นกัน (แถมมีคำสอนมากมายที่สอนทั้งเรา สอนทั้งลูกไปได้พร้อมกัน) หากใครไม่มีเวลาอ่าน ก็ลองไปหาหนังมาเรื่องนี้มาดูได้เช่นกัน แต่อารมณ์มันลดทอนไปเยอะ